นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีประเทศอินเดีย มีการสั่งห้ามส่งออกข้าว จนกังวลอาจกระทบต่อราคาข้าวในประเทศและราคาข้าวถุงปรับตัวสูงขึ้นว่า กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์เรื่องนี้ใกล้ชิด โดยราคาข้าวถุงในประเทศยังอยู่ในสภาวะปกติ ไม่มีการปรับขึ้นราคา ขณะเดียวกันยังมีปริมาณเพียงพอรองรับความต้องการผู้บริโภค ดังนั้น ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวล ซึ่งทราบว่าขณะนี้ทางห้างสรรพสินค้า ก็ยังมีการจัดโปรโมชั่นจำหน่ายข้าวถุงอย่างต่อเนื่องด้วย
“เรื่องนี้กรมฯ ได้ติดตามอยู่ และมีการหารือกับผู้ประกอบการผลิตข้าวถุงเป็นระยะ ซึ่งที่ผ่านมา ยังมีการแข่งขันตามสถานการณ์ปกติ โดยผลผลิตข้าวไทยยังมีปริมาณที่เพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศ และส่งออก อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องนี้กรมไม่ตระหนก แต่ก็จะไม่ประมาท จะติดตามดูสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวถุงที่ในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับ 1-2 เดือนที่แล้ว ยังเคลื่อนไหวไปตามปกติ ไม่มีการขยับขึ้นราคาแต่อย่างใด โดยข้าวหอมมะลิ ถุง 5 กกคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. จำหน่ายในห้างตกถุงละ 165-269 บาท จำหน่ายตามร้านโชห่วยถุงละ 189-290 บาท ขณะที่ข้าวขาว 5% ถุง 5 กกคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ขายตามห้างสรรพสินค้าถุงละ 97-137 บาท และขายตามร้านโชห่วยถุงละ 105-165 บาท เนื่องจากปริมาณสต๊อก และผลผลิตข้าวยังมีเพียงพอไม่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ที่สำคัญที่ผ่านมา ไทยก็มีผลผลิตส่วนเกินปีละ 8-9 ล้านตัน จึงเพียงพอต่อการส่งออก และไม่กระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ
นายวัฒนศักย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีผู้เลี้ยงสุกรเดือนร้อนจากราคาหมูหน้าฟาร์มตกต่ำ สาเหตุมาจากต้นทุนการเลี้ยงและต้นทุนวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง จากเหตุการณ์ภายนอกประเทศ ขณะที่ราคาเนื้อหมูเขียงจำหน่ายอยู่ขณะนี้ 130.69 บาทต่อ กก. ถือว่าผู้เลี้ยงหมูต้องแบกรับภาระต้นทุนดังกล่าวสูงพอสมควร ดังนั้น ในเร็วๆ นี้ กรมการค้าภายในได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โรงงานผู้ผลิตอาหารสัตว์ เพื่อช่วยกันหาวิธีลดต้นทุนอาหารสัตว์แก่ผู้เลี้ยง
“ที่ผ่านมา กรมได้ช่วยเหลือผ่านกลไกการร่วมกลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ไปจัดซื้อวัตถุดิบจากทางโรงงานผลิตอาหารสัตว์โดยตรง และขอให้โรงงานผู้ผลิตอาหารสัตว์ คงราคาจำหน่ายไว้เท่าเดิม และหากเห็นว่าต้นทุนวัตถุดิบลดลง ก็ควรจะปรับราคาอาหารสัตว์ลดลงตามกลไกตลาด รวมถึงจะนำเสนอแนวทางช่วยเหลือชดเชยด้านดอกเบี้ย 3% ให้กับกลุ่มผู้เลี้ยงหมู ต่อคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ หรือพิกบอร์ด อีกด้วย”
นอกจากนี้ ที่ผ่านมากรมฯ ยังได้จัดทำ โครงการเชื่อมโยงอาหารสัตว์ให้แก่เกษตรผู้เลี้ยงสัตว์ ปี 66 โดยเปิดให้เกษตรกรรายย่อยที่เลี้ยงหมู ไก่ไข่ ไก่เนื้อ สามารถแจ้งความจำนงขึ้นทะเบียน เพื่อรับเงินชดเชยจากภาครัฐเป็นเวลา 1 เดือน วงเงินไม่เกิน 10,000 บาท หรือจำนวนไม่เกิน 10 ตัน